เรื่องต้องรู้ก่อนวิ่ง
การวอร์มอัพร่างกาย Warm Upเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งก่อนออกวิ่ง เพราะจะช่วยยืดกล้ามให้มีความยืดหยุ่นก่อนได้การออกกำลังกาย
การสวมรองเท้าวิ่งที่ผิดปกติจากที่เคยสวมใส่ ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่มีผลต่อระบบรองรับแรงกระแทก ควรสวมรองเท้าที่มีความพอดีกับเท้าเพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่อาจจะเกิดจากการวิ่ง
1. การเลือกระยะทางการวิ่งที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของตัวเอง
ไม่มีใครที่สามารถลงแข่งวิ่งมาราธอน 42 กิโลเมตรได้ทันที ดังนั้นการเลือกระยะทางที่เหมาะสมกับตนเองจึงมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก และต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเอง สุขภาพร่างกาย และความสม่ำเสมอในการฝึกซ้อมอีกด้วย
2. วิ่งอย่างไรให้ได้ตามที่เรากำหนด
ไม่ว่าจะเป็นกีฬาใดๆ การฝึกซ้อมมีส่วนช่วยให้เราเข้าใจตัวเองและมีวินัย ทั้งยังสามารถเพิ่มสรรถนะของร่างกายอีกด้วย
3. ก่อนวิ่งควรวอร์มร่างกายก่อนทุกครั้ง
ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งเล่นตามสวนสาธารณะ สนามจริง หรือการซ้อมวิ่ง การวอร์มอัพ เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อยืดเส้นและสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกายว่า เพื่อป้องกันการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายในขณะที่ทำการวิ่ง
4. ควรเตรียมตัวเรื่องน้ำดื่มและการกินอาหาร
ก่อนวิ่งควรกินอาหารให้อิ่มพอดี เพื่อให้ร่างกายมีพลังงานพร้อมในการวิ่ง ควรกินอาหารก่อนออกวิ่ง 2 ชั่วโมง หรืออาจจะเป็นอาหารเบาๆ เช่น ขนมปังหรือแครกเกอร์ 1 ชิ้น กล้วยหอม1ลูก ก่อนจะวิ่งประมาณ 1 ชั่วโมง อย่าลืมดื่มน้ำ 200-400 ซีซี ก่อนออกวิ่ง 30 นาที ระหว่างวิ่งควรจิบน้ำบ่อยๆเพื่อป้องกันการขาดน้ำระหว่างการออกวิ่ง
5. น้ำระหว่างและอาหารระหว่างทางที่วิ่ง
สองข้างทางระหว่างวิ่งแข่ง จะมีน้ำและอาหารให้พลังงานเป็นระยะ ดังนั้นเราจำเป็นต้องดื่มน้ำให้เหมาะสมกับการที่เสียเหงื่อไป สำหรับผลไม้หรืออาหารนั้นไม่จำเป็นต้องกินก็ได้ เพราะหากกินมากเกินไปอาจทำให้จุกท้อง
6. วิ่งให้ช้าลง
การวิ่งช้าๆ ในวันพักหรือวันที่เราซ้อมวิ่งถือเป็นการฟื้นฟูร่างกายและยังนับว่าเป็นการผ่อนคลายที่ดี
7. ควรดูแลรักษารองเท้าวิ่งให้พร้อมวิ่งตลอดเวลา
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่นักวิ่งควรต้องดูแลคือรองเท้า รองเท้าแต่ละคู่มีส่วนสำคัญอย่างมากในการวิ่ง และควรมีรองเท้าสำรองเพื่อป้องกันคู่เก่าชำรุด และควรเปลี่ยนรองเท้าเมื่อรู้สึกว่ารองเท้าผิดปกติ เพื่อแน่ใจว่าระหว่างวิ่งจะไม่มีอุบัติเหตุที่มีสาเหตุมาจากรองเท้า
8. ฝึก Cross Trainingและยกเวท
ขณะวิ่งยังต้องใช้กล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ ในร่างกายไปพร้อมๆกันทุกส่วนด้วย การฝึก Cross training จึงถือเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อ ส่วนต่างๆ ที่ใช้เราต้องเป็นประจำ สำหรับการฝึกเวทนั้นจะช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อและความแข็งแรงให้หัวใจอีกด้วย
ควรฝึกเวทและ Cross Training สลับกัน ประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ในวันที่ว่างจากการวิ่ง
9. ตั้งเป้าหมายในการวิ่งแบบไม่เร่งรีบ
ไม่จำเป็นต้องรีบเพื่อร่างกายและจิตใจของนักวิ่งจะได้ไม่เครียดในการฝึกซ้อมจนเกินไป และยังช่วยป้องกันกล้ามเนื้อล้าและอาจเกิดภาวะบาดเจ็บได้อีกด้วย
10. สนามวิ่งยังอยู่ที่เดิม
ให้กำลังใจตัวเองไว้ตลอดเวลาว่าร่างกายคนเราสามารถแกร่งขึ้นจากการฝึกฝน เมื่อบาดเจ็บนักวิ่งควรพักจนกว่าจะหายดีการดันทุรังวิ่งขณะบาดเจ็บจะยิ่งซ้ำเติมให้เกิดภาวะบาดเจ็บเรื้อรังและต้องรักษาเป็นระยะเวลาเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย ดังนั้นเมื่อเกิดการบาดเจ็บควรหยุดรักษาก่อน เพราะสนามวิ่งไม่ย้ายหนีเราอย่างแน่นอนสล็อต เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ เล่นพนันออนไลน์แบบง่าย ๆ ทำกำไรได้จริง มีฟรีสปิน